การจัดการเวลาให้กับการเรียนบาลีเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ๆ ที่ผู้เรียนบาลีต้องจัดการให้ตัวเองให้ได้ มีให้หลักการง่าย ๆ ที่ควรพิจารณาดังนี้ 1. การอ่าน การศึกษา การค้นคว้าบาลีนั้น ไม่ต้องรีบร้อน ให้ใจเย็น ๆ พยายามทำความเข้าใจในแต่ละเรื่องที่ศึกษาให้มากที่สุด เมื่อเข้าใจแล้วหาวิธีบันทึกความเข้าใจนั้นไว้ อาจบันทึกลงกระดาษ หรือประทับลงหน่วยความจำของจิต 2. การใช้เวลากับตำราหรือสื่อการสอนภาษาบาลีนั้น ไม่ต้องมากมาย สักวันละ 30 นาที - 2 ชั่วโมงก็พอ แต่ขณะเวลานั้นให้ทุ่มความตั้งใจสูงสุดทันที ไม่ฟุ้งซ่านเรื่องอื่นใด และทำให้ต่อเนื่องเป็นกิจวัตร 3. บางคนคงมีประสบการณ์อันน่าเบื่อหน่ายกับการเรียนและการสอบแข่งขันตั้งแต่ประถม ทำไมต้องเรียนอะไรแบบนี้.... ไม่อยากเรียน .....เบื่อหน่าย.....อยากหนีจากโลกการเรียน... (ก็มี) การสะสมสภาพการเรียนอันน่าเบื่อหน่ายในระบบโรงเรียนจากประถม สู่มัธยม และปริญญาตรี ทำให้นักเรียนไทยจำนวนไม่น้อยมีความทุกข์ในการเรียนและระบบโรงเรียนอย่างมาก พอเรียนจบก็รู้สึกเหมือนหมดทุกข์ และไม่คิดอยากไปเรียนแบบนั้นอีกเลย นี่แสดงว่า วิธีการเรียนแบบนั้น ไม่ใช่วิธีการเรียนที่ดี และทำให้คนหนีออกห่างจากการค้นคว้า ไม่ชอบเรียนรู้ ไม่อยากเรียนต่อ แต่จำเป็นต้องเรียนเพื่อจุดประสงค์ทางวิชาชีพเท่านั้น อุปนิสัยชอบเรียนรู้แบบต่อเนื่องไม่มี วิธีการให้ผู้เรียนได้รู้จักพัฒนาการของตนเองและเพ่งดูความก้าวหน้าในการหาความรู้ของตนเองไม่มี นี่จึงไม่ใช่การเรียนรู้อย่างมีความสุข ความสนุกในการเรียนการค้นคว้าก็ไม่เกิด ซึ่งเป็นลักษณะของคนทั่วไปส่วนมากในประเทศนี้ ทำอย่างไร จึงจะเรียนรู้บาลีอย่างมีความสุข เป็นเรื่องที่ผู้เรียนสามารถเข้าใจได้ดังนี้ 1. การเรียนบาลีนี้ เน้นให้ผู้เรียนรู้จักความก้าวหน้าทางการเรียนรู้ของตนเอง (แต่ละคน) 2. ไม่มีการแข่งขัน (เพราะไม่รู้จะแข่งขันไปทำอะไร) 3. ถือว่าทุกคน ช่วยกันศึกษาหาความรู้ และช่วยกันแบ่งปันความรู้ใหัเพื่อน ๆ ไม่หวงความรู้ ไม่มีความต้องการอวด โชว์ใคร หรือข่มใคร 4. เมื่อได้รับความรู้ใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากสิ่งที่เราเคยรู้มา หรือตำราหลายเล่มที่แตกต่างกัน ยังไม่ต้องรีบสรุปว่า อะไรถูก อะไรผิด ให้กำหนดความแตกต่างไว้แล้วค่อยตรวจสอบในระยะยาว 5. ใจกว้าง พร้อมรับฟังคำวิจารณ์ คำเสนอแนะจากทุกคน และมีเมตตาที่จะช่วยแนะนำคนอื่นเมื่อเห็นว่า สิ่งที่เขาได้รู้มายังไม่ตรงนัก 6. มรณานุสติกรรมฐานช่วยให้เราไม่ประมาท เพียงคิดง่าย ๆ ว่า ชีวิตคนเราไม่ได้ยืนยาวอะไรนัก อีกไม่กี่ปี ไม่กี่สิบปีก็ต้องลาลับจากโลกนี้กันไปแล้ว และ... โอกาสที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้ ยากแสนยาก โอกาสได้เกิดมาในประเทศที่นับถือพุทธศาสนา นี้ก็ยากแสนยากมาก โอกาสที่ได้เกิดมาเป็นชาวพุทธแล้ว และได้มาเรียนรู้ภาษาบาลีภาษาของพระพุทธเจ้า นี้ก็ยากแสนยาก ลองมองดูคนทั่วไปในโลกนี้ แต่ละวันเขายุ่งอยู่กับอะไร วันเวลาของเขาหมดไปกับอะไร แต่คุณมีโอกาสและมีความสามารถจัดการเวลาให้ตนเองมาเรียนภาษาบาลีซึ่งเป็นภาษาของพระพุทธเจ้าได้ แสดงว่าคุณเก่งมากเลยทีเดียว คุณจึงเป็นคนกลุ่มน้อยเพียงไม่กี่คนที่มีโอกาสเช่นนี้ และโอกาสนี้คุณเป็นผู้สร้างและหาให้ตนเอง ถือว่าเป็นการสร้างวิริยะบารมี ขันติบารมี และปัญญาบารมี โดยไม่มีใครบังคับ ถ้าคุณอ่านหนังสือบาลีแล้วรู้สึกยาก นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ อ่านต่อไป ค่อย ๆ อ่าน ค่อย ๆ ทำความเข้าใจ ทบทวน ไตร่ตรองหลาย ๆ รอบ หลาย ๆ เล่ม หลาย ๆ สื่อ ลองคิดถึงพระมหาเถระรุ่นเก่า ๆ ที่ท่านแบ่งทีมกันท่องจำคำพระบาลีไว้เพื่อส่งต่อมาให้อนุชนรุ่นพวกเรา คิดถึงพระเถระรุ่นเก่า ๆ บางท่าน ศึกษาพระไตรปิฎกจบ 30-40 รอบ บางท่านท่องจำพระไตรปิฏกได้ทั้งหมด ศักยภาพทางสมองและพลังจิตของคนเรานั้น มีมหาศาล อยู่ที่ใครจะพัฒนาและนำมาใช้ประโยชน์ได้มากได้น้อย ถ้าคุณเชื่อมั่นในพุทธพจน์นี้ "ทันโต เสฏโฐ มนุสเสสุ คนเราสามารถฝึกอบรมได้ และจะดีได้ด้วยการฝึกอบรม" แล้ว ในโลกนี้ จะไม่มีอะไรมากวางกั้นการพัฒนา การฝึกอบรม การเรียนรู้ภาษาบาลีของคุณได้เลย สิ่งสำคัญ คุณต้องหาวิธีให้ตัวเองมีความสุขในการเรียนรู้ภาษาบาลีให้ได้ นี่คือบันไดสู่ความสำเร็จในการเรียนภาษาบาลี